วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2564

คดีที่ 3 ตอนที่ 2





            ไม่รู้เป็นโชคของมาร์คหรือเปล่าที่ตำรวจที่มาทำคดีนี้ เคยเป็นลูกน้องเก่าพ่อเขา ส่วนเขากับแจ็คสันก็เป็นคนแจ้งความและกันพยานไว้ เลยได้อยู่ฟังด้วย ที่สำคัญไปกว่านั้น บาดแผลที่ท้ายทอยและตามลำตัว มีลักษณะคล้ายกับบาดแผลในสองคดีที่มาร์ครับผิดชอบอยู่ 

            มาร์คไม่อาจจะเชื่อโยงว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องกัน แต่เขาก็ไม่กล้ามองข้ามเช่นกัน

            “แม่บ้านให้การว่าปกติผู้ตายจะตื่นในเวลาช่วงราวๆตีห้า แต่วันนี้ไปเคาะห้องเมื่อช่วงแปดโมงไม่ได้ยินเสียงขานรับ จึงเข้าใจว่าผู้ตายไปที่สำนักงาน แต่ว่าช่วงเวลาสิบโมงผู้จัดการโฮมสเตย์มาตามที่บ้าน เธอจึงขึ้นไปดูที่ห้องอีกรอบ จึงรู้ว่าประตูไม่ได้ล็อก เมื่อเปิดเข้าไป ไม่พบผู้ตายเลยกลับลงมาบอกผู้จัดการฯ”

            “ส่วนผู้จัดการโฮมสเตย์เล่าว่า เมื่อคืนมีหญิงสาวคนหนึ่งมาพบผู้ตาย บอกว่าเป็นเจ้านายเก่าของผู้ตาย เรียกผู้ตายออกมาพบที่หน้าห้องนอน พูดคุยกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็กลับออกไป มีภาพยืนยันเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดตรงทางเข้าก่อนถึงตัวบ้าน ส่วนกล้องวงจรปิดที่หน้าบ้านเสีย”

            “กล้องเสีย? แล้วผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นเจ้านายเก่าคือใคร”

            “ครับ แม่บ้านบอกว่าเสียมาสักพักแล้ว แต่ช่างยังไม่ว่าง ผู้ตายกับแม่บ้านก็ลืม จึงไม่ได้ซ่อมมานาน ส่วนผู้หญิงคนนั้น ผู้จัดการฯบอกว่าผู้ตายเรียกเธอว่าคุณหนู”

            “แจ็คสันไปตามแจบอมมาหน่อย” ตลอดเวลาที่อยู่ในห้องนี้ มาร์คนิ่งฟังมาโดยตลอด แต่พอมีคนพูดถึงคุณหนูเจ้านายเก่าของผู้ตาย มาร์คก็นึกถึงแจบอมขึ้นมาทันที 

            “ส่วนคนสวนให้การว่าตอนเช้าที่ตื่นมาทำงาน เขาพบกับสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งที่ตกอยู่ แต่คิดว่าเจ้านายของตนคงทำตกไว้ตั้งแต่เมื่อวานที่ออกตามหาแขกที่มาเข้าพักที่หายตัวไปจึงคิดจะเอาคืนให้เมื่อพบหน้า”

            “แต่ผมถามจากผู้จัดการฯและป้าแม่บ้านแล้ว ในตอนกลางคืนที่เจอกันครั้งสุดท้าย ยังเห็นผู้ตายสวมใส่อยู่”

           “งั้นแปลว่าผู้ตายออกไปพบฆาตกรที่สวนด้านหลังและน่าจะเกิดการฉุดกระชาก หรือไม่ผู้ตายก็ตั้งใจจะทำตกไว้เพื่อเป็นเบาะแสในการตามหาตัวเธอ”

           “มาร์ค แจบอมมาแล้ว”

            “แจบอม นายพอจะมีรูปญาติของนาย คนที่แกล้งแบมแบม เมื่อวานหรือเปล่า”

            “ไม่มี แต่ฉันหาให้ได้ รอแป๊บ” แจบอมหยิบมือถือขึ้นมาเปิด Facebook ที่ไม่ค่อยอัปเดตอะไรของตัวเองออกมา     “ทำไมถึงขอดูรูปยัยนั่น ยัยนั่นเกี่ยวอะไรงั้นเหรอ? เจอแล้ว”

            “ยังไม่รู้ว่าเกี่ยวไหม” มาร์ครับมือถือมาและส่งให้ตำรวจอีกนายไปสอบถามผู้จัดการฯ ไม่นานก็ได้รับคำยืนยันว่าเมื่อคืนญาติแจบอมคนนี้มาที่นี่จริงๆ

            นอกจากจะไปเจอแบมแบมและหาเรื่องแกล้งแล้ว ผู้หญิงคนนี้ยังมาหาผู้ตายอีก 

            เธอมาหาตายด้วยเรื่องอะไรกัน

            “ขอบใจมากนะแจบอม” มาร์คส่งมือถือคืน และพยักหน้าให้แจ็คสันพาออกไปแจบอม “มีใครพอจะยืนยันได้ไหมว่า หลังจากผู้หญิงคนนี้ออกไป ผู้ตายอยู่ที่ห้องนอนหรือไปที่ไหนอีกไหม หรือเธอกลับเข้ามาหาผู้จายอีกไหม”

            “ไม่มีครับ”

            “คงต้องไปตามตัวเธอคนนี้มาแล้ว” มาร์คไม่อาจก้าวก่ายอะไรได้มาก เขากลับออกมาพร้อมแจ็คสันที่รออยู่ด้านนอก

           “มาร์ค เมื่อวานอ่ะ กูสังเกตอะไรได้อย่างหนึ่ง มึงอยากฟังไหม?”

            “อืม เล่ามา เผื่อจะเป็นประโยชน์”

            “เมื่อวานตอนที่เราเจอแบมแบมที่ถูกเอาไปขัง ปฏิกิริยาของผู้ตายดูตกใจเกินกว่าพวกเรา ดูจะออกแนวหวาดกลัวเสียด้วยซ้ำ และเธอก็ไม่ได้มาติดตามถามไถ่อะไร กลับหนีหายไปหลังจากที่เราเจอแบมแบมแล้ว และตามที่แจบอมเล่าว่าแบมแบมเคยเจอแบบนี้จากเจ้านายของผู้ตาย เหตุการณ์ตอนนั้นมันมีอะไรรุนแรงหรือเปล่าวะ ไหนจะคนที่แกล้งแบมไปพบกับผู้ตายตอนกลางคืนอีก”

            “จะบอกว่าเป็นการฆ่าปิดปาก?”

            “ก็ไม่อาจจะชี้ชัด อีกอย่างแบมแบมไม่เอาความ บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ป่ะวะ ฆ่าคนตายเลยนะ แต่ว่าจะมองข้ามประเด็นนี้ไปไม่ได้เหมือนกัน” มาร์คพยักหน้า เขาไม่อาจพูดอะไรออกมาตอนนี้ได้ เขาอยากเรียบเรียงความคิด ที่เขาคิดไว้เมื่อคืนนี้ต่อด้วย

            แต่มาร์คยังไม่ทันจะมีเวลาอยู่กับตัวเอง เขาก็ถูกชักชวนให้ไปหาเบาะแสเพิ่มเติมอีก เมื่อบาดแผลจากคดีนี้ มันไม่ใช่แค่คล้ายกับสองคดีที่เขาทำ แต่วิธีฆ่าเป็นวิธีเดียวกัน

 

 

7th

 

 

            เพราะเพิ่งเกิดคดีฆาตกรรมภายในที่พัก หลายคนถูกกันไว้เป็นพยาน และห้ามออกนอกพื้นที่ ส่วนมาร์คต้องพาลูกน้องที่ได้ข้อมูลไปร่วมหาเบาะแสในช่วงค่ำหลังจากทราบเรื่อง 

            พวกเขาเลือกที่จะไปหาบริเวณที่พบสร้อยข้อมือที่ผู้ตายทำตกไว้ ถัดจากสวนหลังบ้านของผู้ตายเป็นป่ารกทึบ เหมาะแก่การฆาตกรรมอำพรางที่สุด เพราะในคืนเกิดเหตุ ไม่มีใครได้ยินเสียงผู้ตายขอความช่วยเหลือ 

            นายตำรวจหนุ่มหลายคนต่างช่วยกันส่องไฟฉายไปทั่วเพื่อหาร่องรอยการก่อเหตุ รวมถึงอาวุธที่ใช้ลงมือ

            แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น

แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น

 

 

 

 

V

เปิดฟังก่อนอ่าน


^

(คำเตือน!!! ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการฟังเสียงเพื่อสร้างจินตนาการ….)

สำหรับคนอ่านที่ต้องการเพิ่มอรรถรสในการอ่าน กดที่คำว่า เปิดฟังก่อนอ่าน ได้เลยค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

            เสียงฮัมเพลงกล่อมเด็กดังขึ้นในความมืดสลัวแบบจับทิศทางไม่ได้ดังขึ้น แสงสว่างจากไฟฉายสาดส่องไปตามทิศทางที่เสียงทำนองเพลงดังขึ้นมาทีละท่อน ทำให้นายตำรวจที่ติดตามมาขนลุกเกรียว ต่างหยุดชะงักฝีเท้าที่จะก้าวต่อไป แต่เดินเข้ามาใกล้หันหลังชนกันแทน มีเพียงแค่สารวัตรหนุ่มที่หลับตาลงเพื่อแยกแยะทิศทางของเสียง 

            เขาเชื่อว่าต้องมีคนล่อพวกเขามาที่นี่ ไม่ใช่แค่เบาะแส แต่เพื่อท้าทายเขา เสียงกล่อมเด็กดังคลอมากับสายลมเย็นๆภายในป่า มีบางคราวที่มาพร้อมกับเสียงกลั้วหัวเราะ คลายกำลังสุขใจหาใดเปรียบ มีเพียงแค่มาร์คที่ไม่รู้สึกสนุกด้วยสักนิด มือเรียวกำเข้าหากันแน่น เขาตั้งปณิธานในใจว่าจะจับตัวคนร้ายที่ฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมทารุณนี้มาให้ได้ ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม

            “แบ่งคนออกเป็นสามกลุ่ม ไปทางขวาและทางซ้าย ส่วนฉันจะไปทางนั้น ขอคนติดตามสองคน ไป” ชายเสื้อด้านหลังของมาร์คถูกรั้งเอาไว้ให้ต้องชะงักเท้า และหันกลับมามองคนอื่นๆที่ไม่ขยับตัวสักคนเดียว

“พี่เราจะไปจริงๆเหรอ

ถ้าเกิดว่า…”

“ว่าอะไร!

ปืนพวกนายก็มีคนละกระบอก ยังจะกลัวอะไรกันอีก” มาร์คถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ทั้งที่พวกเขามีกันไม่ต่ำกว่าสิบคน ยังจะกลัวอะไรกันอีก

“ผมไม่กลัวว่าคนร้ายจะมีอาวุธ แต่ผมกลัวว่าจะไม่ใช่คน…”

“หลบ!” มาร์คผลักลูกน้องของตนให้หลบพ้นทาง ใครจะยืนอยู่เฉยๆตรงนี้ก็ตามสบาย เขาต้องการให้ทุกอย่างคืบหน้า

ไม่ต้องการให้คนร้ายรอดตัวไปได้อีก เขาอยากจับมันให้ได้ก่อนที่จะมีรายที่สี่ ที่ห้าตามมา 

มาร์คเพิ่งก้าวขาไม่ทันถึงห้าก้าว เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นมาอีกฝั่ง เขาหยุดชะงักเล็กน้อย และเดินต่อไป ส่วนคนที่เหลือเมื่อไม่มีมาร์คอยู่ด้วยแล้ว ก็มีเพียงแค่รีบตามมาร์คไปหรือทำตามคำสั่งมาร์คเท่านั้น

“มันหัวเราะเยาะตำรวจอย่างพวกนายขนานี้ ยังจะกลัวอีกไหม!!! แยกย้ายกันไปตามตัวมันให้เจอ!!” มาร์คหัวเสียกับความขี้ขลาดของลูกน้องตน เขาหันกลับมาตวาดใส่จนลูกน้องและตำรวจที่ติดตามมากลัวมาร์คยิ่งกว่าเสียงปริศนานั่น

             “ครับ!!” ตำรวจที่ตามกันมา แยกกันออกเป็นสามกลุ่มและวิ่งกันไปคนละทางเพื่อหาเบาะแส 

มาร์คคิดว่าเสียงที่พวกเขาได้ยิน มันมาจากการอัดใส่มือถือหรือเครื่องบันทึกเสียง เขาพยายามมองหาแหล่งกำเนิดเสียงที่ปั่นประสาทเขาเมื่อครู่ และเบาะแสอื่นๆ พลางคิดไปด้วยว่าฆาตกรต้องการจะบอกอะไรกับเขาหรือเปล่า หรือคนที่บอกเขา จะไม่ใช่ฆาตกรเหมือนกับคดีนั้น ที่คนที่นัดเขาไปพบที่ป่าท้ายหมู่บ้านจะให้เบาะแสเขากัน 

สรุปแล้วคนๆนี้คือใครกัน แล้วทำไมถึงเรียกเสียงเพลงกล่อมเด็ก และใช้เสียงผู้ชายที่ผ่านโปรแกรมแปลงเสียงมาอีก 

“พี่มาร์ค” มาร์คหันไปตามเสียงเรียกและส่องไปตามทิศทางนั้น เขาพบเข้ากับรอยเลือดที่เริ่มแห้ง

“พบอาวุธไหม?” นายตำรวจคนนั้นส่ายหน้า

“หาต่อไป เผื่อจะเจออะไรมากกว่านั้น”

มาร์คเสียเวลาอยู่ในป่าเกือบจะค่อนคืน ถึงเจออาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ โทรศัพท์ที่ใช้อัดเสียงทั้งสามเครื่อง แต่ก็ยังจับฆาตกรไม่ได้อยู่ดี เขาเลยได้แต่เรียกลูกน้องของตนกลับออกมาก่อนเมื่อฟ้าเริ่มสว่าง และให้คนที่ชำนาญทางและตำรวจในพื้นที่ดำเนินการค้นหาเบาะแสอื่นๆต่อไป

“พี่มั่นใจไหมว่าคนร้าย มันคือคนเดียวกันกับสองคดีก่อนหน้า เพราะถ้าเป็นฆาตกรเป็นคนเดียวกันที่ก่อเหตุจริงๆทั้งสามคนนี้ก่อเรื่องอะไรร่วมกันไว้กันแน่” มาร์คไม่อาจตอบคำถามของลูกน้องตนได้ในตอนนี้ 

เขากำลังไล่เรียงทุกอย่างในหัว ตั้งแต่รายละเอียดของคดีแรก คดีที่สอง และคดีล่าสุด พยายามหาจุดเชื่อมโยงที่นอกเหนือจากลักษณะการลงมือฆ่า 

เรื่องของความสัมพันธ์ คดีแรกกับคดีที่สอง ผู้ตายทั้งสองคนเป็นเพื่อนสมัยมัธยมกันและเลิกติดต่อกันตอนมหา’ลัย ไม่มีใครรู้เหตุผลว่าทำไมสองคนนี้จึงไม่ติดต่อกันอีก ก่อนผู้ตายในคดีแรกจะเสียชีวิต ทั้งคู่ได้พบกัน และคุยกันแบบสนิทสนมเหมือนในวัยเด็ก แต่จะเลี่ยงการพูดถึงเรื่องที่ผู้ตายในคดีที่สองไปบ้านของผู้ตายในคดีแรก 

เรื่องภายในบ้านของผู้ตายคดีแรก พวกเขาก็สืบกันอยู่ว่ามีอะไรกันแน่ แต่มันแย่ตรงที่ คนในบ้านล้วนเสียชีวิตไปหมด ส่วนแม่บ้านที่เคยทำงานที่บ้านหลังนั้น พวกเขายังหาไม่เจอ

ส่วนคดีที่สอง พวกเขาได้เบาะแสเพิ่มเติมว่า ก่อนที่พวกเขาจะไปพบโทรศัพท์เครื่องนั้นที่ตกอยู่ข้างตู้ พยานที่นัดเขาไปพบในป่า เห็นใครคนหนึ่งเดินเข้าไปที่บ้านหลังนั้นก่อนพวกเขาจะมา และกลับออกมา โดยใช้เวลาภายในบ้านไม่นาน พวกเขาสืบเรื่องนี้ต่อจากเพื่อนคนอื่นๆ โดยการนำรูปมือถือและเคสโทรศัพท์ให้กลุ่มของเพื่อนผู้ตายดู ทุกคนต่างยืนยันว่าเป็นมือถือที่ผู้ตายรายแรกใช้ในสมัยมัธยม 

ในเรื่องของโทรศัพท์จึงสรุปได้ว่ามีคนจงใจเอามันไปซ่อนและเปิดเผยในคราวเดียวกัน

แต่ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเป็นฆาตกรหรือใครที่มีสิ่งของของผู้ตายรายแรก

หรือคนที่เอาโทรศัพท์ไปซ่อนจะคือเหยื่อในคลิปนั้น ถ้าเป็นเด็กในคลิปนั้นจริง จากวันที่ผู้ตายสองคดีแรกเรียนมัธยมจนกระทั่งจบมหา'ลัย ระยะเวลามันก็ผ่านมามิใช่น้อยเลย ทำไมเพิ่งจะเปิดเผยเอาตอนนี้

หรือฆาตกรต้องการแก้แค้นให้เหยื่อ ส่วนเหยื่อในคลิปก็เป็นคนเอาหลักฐานชิ้นนั้นมาให้พวกเขาเพื่อบอกว่าสิ่งที่ฆาตกรทำ หวังเพียงล้างแค้นให้กับตน หรือต้องการจะให้เขาเชื่อมโยงสองคดีนั้นเข้าด้วยกัน

มาร์คมีข้อสันนิษฐานมากมายอยู่ในหัวเต็มไปหมด จนตอนนี้หัวเขาจะระเบิดตัวเองอยู่แล้ว

“สารวัตร...สารวัตรครับ”

“หือ? มีอะไรหมวด”

“ผู้หญิงที่พบกับผู้ตายถูกพาตัวมาแล้วครับ สารวัตรจะเข้าไปฟังไหมครับ”

“ไม่ล่ะ หมวดจัดการเถอะ แล้วค่อยมารายงานผม” มาร์ครู้สึกว่าตัวเองต้องหยุดพักสักเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นหัวสมองเขาคงรับไม่ไหวอีกแล้ว ร่างของนายตำรวจหนุ่มยืนขึ้นจากเก้าอี้ด้วยอาการซวนเซ โชคดีที่จับที่เท้าแขนของเก้าอี้ไว้ทัน มาร์คจงไม่ล้มหน้าทิ่มจากอาการหน้ามืด 

“ไม่ไหวก็พักบ้างเถอะสารวัตร” เสียงที่คุ้นหูและคำพูกวนๆแบบนี้ก็คงทีแค่แจ็คสันคนเดียวเท่านั้น

“มึงมาทำไม”

“แบมเป็นห่วงมึง เห็นมึงไม่กลับไปเลย กูก็เลยอาสามาดูให้ และเอาข้าวมาส่ง”

“ขอบคุณมาก”

“ไม่เป็นไร กินข้าวเถอะ แล้วนอนพักสักหน่อย ได้ข่าวว่ามึงยังไม่ได้นอนเลย”

“ข่าวไวดีนี่”

“แน่นอนสิ ระดับกูน่ะ เรื่องแค่นี้กระจอกมาก”

“คนอื่นๆเป็นไงบ้าง”

“มึงก็รู้ว่าชาวอพาร์ตเมนท์เรามันเป็นคนยังไง การถูกสั่งให้อยู่ในที่พัก ไม่ให้เพ่นพ่านไปไหน ก็ไม่ต่างจากอยู่ที่ตึกเท่าไหร่หรอก ทุกคนปกติดี”

“แล้วกูไม่อยู่ แบมแบมอยู่กับใคร”

“ยูคยอมย้ายไปอยู่ด้วย มึงไม่ต้องห่วง”

“อ้อ”

“กูยังไม่อยากถามเรื่องงานของมึงในตอนนี้หรอกนะ ไม่อยากให้หัวมึงคิดไรมากไปกว่านี้ พักสักนิดแล้วค่อยตื่นมาตอบคำถามกู แล้วก็คิดเรื่องคดี กูรู้ว่าในหัวมึงตอนนี้ อะไรๆมันโยงใยมั่วไปหมด เฮ้อ ไอ้มาร์คนะไอ้มาร์ค อุตส่าห์ได้มาเที่ยวทั้งที ดันมาเจอคดีที่เหมือนจะเกี่ยวกับสองคดีก่อนหน้าที่มึงทำอยู่อีก หรือคนร้ายมันต้องการเล่นสนุกกับมึงกันวะมาร์ค”

“กูไม่สนุกด้วย”

“กลัวแล้วจ้าพ่อ”

“แต่กูว่ามันไม่ได้ทำเพราะจุดประสงค์นั้นหรอก ถ้าสามคดีมันเกี่ยวกันจริงๆ มันต้องมีจุดเชื่อมโยงกันดิวะ แต่มันคืออะไรกันแน่กูต้องรู้ให้ได้ และต้องลากคอมันออกดำเนินคดีให้ได้!!”

“ใจเย็นๆก่อนเพื่อน กูไม่ได้อยากให้มึงเครียด กินข้าวไปๆ”

 

 

7th

 

 50%



ฝากคอมเมนท์ในเด็กดี ในคดีที่ 3 ตอนที่ 2 ด้วยนะคะ 

อีก 50% เริ่มรับลิ้งค์ตอน 2 ทุ่มตรง 27/1/2021